โครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท อาจไม้ได้หรือโดนตัดสิทธิ์หรือไม่?
โครงการเงินดิจิตัลหนึ่งหมื่นบาทมีความเห็นมากมายแตกต่าง และเป็นที่กล่าวถึงในประชาชนคนไทย
รัฐบาลโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท คนรวยอาจไม้ได้หรือโดนตัดสิทธิ์หรือไม่?
ซึ่งข่าวล่าสุด 25 ตุลาคม 2566 อาจจะมีการตัดกลุ่มคนบางกลุ่มออกไปดังนี้
- ตัดคนที่มีรายได้เกิน 50,000 บาทต่อเดือนหรือมีเงินฝากเกิน 500,000 บาท
- ตัดคนที่มีรายได้เกิน 25,000 บาทต่อเดือนหรือมีเงินฝากเกิน 100,000 บาท
- ตัดทุกคนที่ไม่ใช่ผู้ยากไร้
ในรัฐบาลโครงการเงินดิจิตัลคุณเป็นคนรวยหรือเป็นคนจน
หากรัฐบาลโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ใช้เกณฑ์ตัดคนที่มีรายได้เกิน 25,000 บาทต่อเดือนหรือมีเงินฝากเกิน 100,000 บาท คำว่า "คนรวย" ใช้เพื่ออธิบายคนที่มีความร่ำรวยหรือมีความมั่นคงทางการเงินในระดับสูง โดยมักจะมีสินทรัพย์มากมาย และสามารถใช้เงินในการอำนวยความสะดวกในชีวิตหรือใช้เงินในการสนองความต้องการและความประทับใจของตนเองได้ ภายใต้การดำรงชีวิตในประเทศไทยในประเทศไทย รายได้ 25,000 บาท พอที่จะเป็นคนรวยหรือไม่
ข้อสงสัยประเด็นอื่นว่า
เงินดิจิตัล 10,000 บาท เอาเงินที่ไหนมาแจก
แหล่งเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่จะนำมาแจกนั้น ไม่ได้เปิดเผยชัดเจนว่าจะมาจากแหล่งใด แต่อาจจะใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นหลัก ถ้าใช้งบประมาณแผ่นดินถึง 400,000 ล้านบาท ก็อาจต้องตั้งงบผูกพัน 4 ปี เบิกจ่ายปีละ 100,000 ล้านบาท แล้วถ้าต้องกู้เงินมาจ่ายเงินดิจิทัล จะกู้ใครและเขาให้กู้หรือไม่ และที่สำคัญประเทศไทยจะใช้หนี้อย่างไร ซึ่งข้อมูลยังไม่แน่ชัด
ผลกระทบที่อาจเกิดของการที่ประเทศเป็นหนี้และไม่สามารถจ่ายได้
สภาพเศรษฐกิจที่ไม่แข็งแรง: ประเทศที่มีหนี้มากและไม่สามารถชำระหนี้อาจพบกับสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แข็งแรง การยืดหนี้มากเกินไปอาจทำให้เศรษฐกิจตกลงต่ำลง และเสี่ยงต่อการถดถอยเศรษฐกิจ
การขาดความน่าเชื่อถือของตลาดการเงิน: ประเทศที่ไม่สามารถชำระหนี้อาจพบกับการขาดความน่าเชื่อถือจากตลาดการเงิน ทำให้ความราคาของสินทรัพย์ทางการเงินเป็นไปได้ การยืดหนี้เพิ่มขึ้นอาจทำให้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น
ความเสี่ยงในการลงทุน: การมีหนี้มากอาจทำให้ประเทศเสี่ยงต่อการลงทุนต่างๆ เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงทางการเงิน
การตัดสิ้นการลงทุนสากล: ประเทศที่มีหนี้มากอาจพบกับการลดการลงทุนจากต่างประเทศ เนื่องจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการลงทุนในประเทศนั้น
ระบบบล็อกเชนรัฐบาลโครงการดิจิทัล 10,000 บาท ปลอดภัยจริงหรือไม่
ระบบบล็อกเชนมีความปลอดภัยในบางด้าน แต่ก็ยังมีความเสี่ยงและปัญหาบางอย่างที่ต้องพิจารณาด้วย. ความปลอดภัยของระบบบล็อกเชนเผยชัดถึงลักษณะดังนี้
การควบคุมแบบกระจาย: บล็อกเชนใช้โครงสร้างที่กระจายข้อมูลไปยังหลายๆโหนดทำให้ยากต่อการทำลอกข้อมูลหรือโจมตี ตราบใดที่คนอื่นๆ ในระบบยังคงควบคุมความถูกต้องของข้อมูล
การใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัส: ข้อมูลในบล็อกเชนมักถูกเข้ารหัส เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ไม่พึงประสงค์เข้าถึงข้อมูลที่เป็นความลับ
การใช้ลายนิ้วมือดิจิทัล: บางระบบบล็อกเชนใช้เทคโนโลยีการตรวจสอบตัวตนที่สูงขึ้นเช่นการใช้ลายนิ้วมือดิจิทัลเพื่อตรวจสอบการทำธุรกรรม
การทำธุรกรรมแบบไม่แก้ไข: บล็อกเชนมักถือแนวคิดของการไม่สามารถแก้ไขข้อมูลหรือทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งช่วยป้องกันการปลอมแปลงข้อมูล
อย่างไรก็ตาม, ระบบบล็อกเชนก็ยังมีความเสี่ยงและปัญหาที่ต้องพิจารณา เช่น
ความปลอดภัยที่ควบคุมโดยมนุษย์: ความปลอดภัยของบล็อกเชนยังขึ้นอยู่กับความปลอดภัยของระบบที่ใช้งานและความระมัดระวังของผู้ดูแลระบบ การทำบล็อกเชนต้องมีคำเขียนโค้ดเขียนโปรแกรม งบประมาณและความซื่อตรงของทีมพัฒนาจะคุ้มค่าและมีวคามน่าเชื่อถือหรือไม่ และในบางกรณีต้องมีทีมตรวจสอบและ certificate blockchain contract อีกด้วย ยกตัวอย่างตอนที่ Game-fi โด่งดังในวงการบล็อกเชน ก็มีการโกงกันยันผู้ตรวจสอบ contract ดังนั้น หัวข้อนี้เป็นข้อควรพึงระวังอย่างมาก
การโจมตีการทำธุรกรรม: หากมีการควบคุมเกี่ยวกับโหนดเพียงไม่กี่ตัวในระบบบล็อกเชน อาจเกิดการโจมตี 51% Attack ได้ ซึ่งสามารถทำให้ข้อมูลถูกเปลี่ยนแปลง
ความเสี่ยงจากคนผิด: หากมีคนผิดฝั่งภายในหรือมีการโจมตีสังคม คนร้ายอาจเข้าถึงระบบบล็อกเชนและทำลายข้อมูลหรือระบบ
การปัญหาทางเทคนิค: ระบบบล็อกเชนไม่ปลอดภัยที่แน่นอนจากปัญหาทางเทคนิค เช่น บั๊กซอฟต์แวร์หรือข้อผิดพลาดในรหัส
ระบบบล็อกเชนมีความสมบูรณ์ในด้านความปลอดภัยขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และรูปแบบของการใช้งาน และต้องมีการควบคุมและมีการดูแลรักษาอย่างเคร่งครัดเพื่อรักษาความปลอดภัยในระบบบล็อกเชนให้เหมาะสมกับการใช้งานและความต้องการ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น